Peer to Peer , P2P , เพียร์ ทู เพียร์ คืออะไร      Peer to Peer คือ รูปแบบการเชื่อมต่อแลนแบบโครงข่ายโดยตรง ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้นจะมีความเท่าเทียมกัน เครื่อง PC สามารถทำงานของตนเองและขอใช้บริการเครื่อง PC อื่นได้ จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้งานเพื่อจุดประสงค์ ด้านความรวดเร็ว หรือติดตั้งได้โดยง่ายเมื่อไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับ ตัวอย่างเช่น ในศูนย์ประชุมหรือการประชุมที่จัดนอกสถานที่
 
       อีกทั้ง Peer to Peer เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก และเหมาะกับหน่วยงาน ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ software ที่ใช้คือ Windows for Workgroups, Windows 95, 98, 2000 การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า LAN Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อสายแลนเข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า HUB หากเปรียบเทียบแล้วเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer จะมีการทำงานในลักษณะที่เป็น Decentralization ส่วนระบบ Client-Server มีการทำงานเป็นแบบ Centralization นั่นเอง
 
คุณสมบัติของ Peer to Peer
     - ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย
     - ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง
     - ฯลฯ

การใช้ File Server เป็นแม่ข่ายศูนย์กลางในการส่งข้อมูล ทำให้เครื่องทำงานหนักและอัตราเร็วลดลง
      แต่เดิมนั้นเมื่อเราต้องการดาวน์โหลดไฟล์จากแม่ข่าย Server โดยใช้ FTP (File Transfer Protocal) , HTTP (Hypertext Transfer Protocal) นั้น หากมีคนที่ต้องการไฟล์เดียวกับเรา 500 คนมาดาวน์โหลดบนแม่ข่าย Server เดียวกันพร้อมๆ กันโดยแต่ละคนมี Bandwidth คนละ 256kbps ถ้าจะให้ทุกคนนั้นได้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดตัวแม่ข่าย Server จะต้องมี Bandwidth เท่ากับ 256kbps x 500 ซึ่งเท่ากับ 125Mbit เลยทีเดียว
 
      ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะเปลือง Bandwidth เท่านั้น แต่ยังจะต้องใช้แม่ข่าย Server ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ทรัพยากรของแม่ข่ายให้น้อยลงนั้นเอง
 
เพียร์ทูเพียร์ หรือ เพื่อนถึงเพื่อน
      Peer to Peer หรือ P2P อาจจะมีคำอื่นอีกเช่น People to People , Point to Point ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกัน และมีลักษณะนามแทนตัวได้ว่า "เพื่อนถึงเพื่อน" ระบบ P2P นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่าย Server ใน การแจกจ่ายไฟล์และทำให้สามารถหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
 
      จากความหมายนี้เองทำให้เราเรียกโปรแกรมที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่าย Server ว่า "P2P File Sharing" โปรแกรมประเภทนี้มีอยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าวๆของโปรแกรมก็คือ

     1. เชื่อมต่อไปยังแม่ข่าย Server เพื่อยืนยันตัวตนและส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย
     2. หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย Server
         จากนั้นแม่ข่าย Server จะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword ที่เราระบุกลับมา
     3. เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่าย Server ติดต่อไปยังคนนั้นๆโดยตรงเพื่อร้องขอไฟล์
 
     แต่ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดี "ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปทุกอย่าง" หรือเรียกว่า "Perfect" ทุกๆอย่างต้องมีจุดอ่อนถึงแม้ว่า P2P ที่ว่า จะแก้ปัญหาจุดอ่อนเรื่อง Bandwidth และทรัพยากรของเครื่องแม่ข่าย Server ที่สูงได้ แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่ได้ก็ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลยเนื่องจากความเร็วที่ได้นั้น จะได้จากจากเชื่อมต่อผู้ใช้ด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเร็ว Internet ในการรับส่ง ของผู้ใช้ตามบ้านนั้นไม่ได้เร็วเหมือนเครื่องที่ใช้เป็นแม่ข่าย Server โดยเฉพาะจะตั้งอยู่ใน ISP ซึ่ง Bandwidth อย่างต่ำๆ นั้นเป็น 100Mbit และเครื่องลูกข่ายผู้ใช้เอง ส่วนใหญ่มี Bandwidth ต่ำ และส่วนมากนั้นก็จะเห็นแก่ตัวคือไม่ปล่อยให้ตัวโปรแกรมส่งแบบอัตราเร็วแบบเต็มๆ Bandwidth แต่จะมีการกักเอาไว้ ( มีน้อยแล้วยังจะกั๊กอีก) ส่วน Bandwidth ดาวน์โหลดนั้นดันเปิดไว้เต็มๆ ทำให้โปรแกรม ประเภท P2P ที่กล่าวมานั้นความเร็วที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีไฟล์ที่เรากำลังโหลดอยู่นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลให้เรามากแค่ไหน รวมถึงมีคนที่มีไฟล์เดียวกับเรานั้นมีมากแค่ไหน ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้นั้นมีเงื่อนใขหลายอย่างประกอบกันมากพอสมควร
 
       ถึงตรงนี้ Bittorrent (บิตทอร์เร้นท์) ก็กำเนิดขึ้นมา ซึ่งมีการทำงานแตกต่างจาก P2P ทั่วไปอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ความเร็วที่ได้นั้นนำ หน้า P2P ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวและมีความถูกต้องของข้อมูลสูง รวมถึงทำให้ทุกคนรู้จักถึงคำว่า "แบ่งปัน" หรือ "give and take" นั้นเอง เราคงจะข้ามความเป็นมาของ Protocal Bittorrent เนื่องจากมีสาเหตุเดียวกันกับ P2P ทั่วไปแต่คงจะขาดชื่อของผู้คิดระบบนี้ไปไม่ได้ ชื่อของเขาก็คือ "Bram Cohen"

คำจำกัดความServer คือ เครื่องแม่ข่าย หรือ เครื่องผู้ให้บริการ
Client  คือ เครื่องลูกข่าย หรือ เครื่องผู้ขอใช้บริการ



ขออธิบาย ระบบเครือข่ายที่มีการต่อใช้งานทั่วไปมี 2 ประเภท ดังนี้

       1. Local Area Network (LAN) คือระบบเครือข่ายขนาดเล็กที่ใช้กันภายในองค์กร หรือภายในตึกเดียวกัน

       2. Wide Area Network (WAN) คือระบบเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อระยะไกล หรือการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย LAN ข้ามประเทศ

      ในที่นี้ผมจะขอพูดถึงการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Network ที่มีการใช้งานทั่วไปดังนี้
            1. การต่อแบบ Peer to Peer
            2. การต่อแบบ Client / Server



รูปที่ 1 การเชื่อมต่อแบบ Peer to Peer  โดยใช้อุปกรณ์ Hub เป็นอุปกร์เชื่อมต่อ
 
1. การต่อแบบ Peer to Peer การเชื่อมต่อแบบนี้เหมาะสำหรับหน่วยงาน ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้แต่ต้องใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ "HUB" ดังรูปที่ 1
 
         ข้อดีของการต่อแบบนี้
         1. ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการต่อ Network แบบอื่น ๆ
         2. สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้
         3. ง่ายในการติดตั้ง และสามารถขยายต่อไปในอนาคตได้ดี



รูปที่ 2 การเชื่อมต่อที่มี File Server
 
2. การต่อแบบ Client / Server การเชื่อมต่อแบบนี้มีคอมพิวเตอร์หลักเรียกว่า File Server (ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมในการเก็บข้อมูล ทำให้สะดวกในการบริหารข้อมูล) File Server นี้จะต้องเปิดทิ้งไว้ ห้ามปิดในระหว่างการใช้งาน ส่วนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปเราเรียกว่า Work Station สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการติดต่อระบบเครือข่าย คือ สายเคเบิล RJ 45 (สายแลน) และการ์ดเครือข่าย (LAN Card) ซึ่งทำหน้าที่รับส่งข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องมี HUB / Network switch เป็นอุปกรณ์ในการกระจายสัญญาณไปตาม Work Station ต่าง ๆ ดังรูปที่ 2

          ข้อดีของการต่อแบบนี้
          1. สามารถแชร์ข้อมูล เครื่องพิมพ์ ของแต่ละเครื่องได้ มีระบบ Security ที่ดีมาก
          2. รับส่งข่าวสารในลักษณะของ Email ได้ดี
          3. สามารถจัดสรร แบ่งปันการใช้ทรัพยากรได้จากจุดศูนย์กลาง



Bit Torrent , Btt (บิททอร์เรนท์) คืออะไร
      คือ Protocal ประเภทหนึ่ง ซึ่งการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันหรือการ Share File ภายในกลุ่ม Network ในลักษณะคล้ายๆกับ ใยแมงมุมหรือ Peer to Peer ในรูปแบบหนึ่ง แต่มีความสามารถในการ Share File สูงกว่า P2P เพราะ P2P จะจำกัดเรื่อง จำนวนผู้ให้ Sharing , ปริมาณการปล่อยให้ และความเร็วในการให้ จากเจ้าของไฟล์ ดังจะเห็นจากการ Load File จาก LimeWire ที่บาง File มีปัญหาเรื่องจำนวนผู้ส่งไฟล์นั้นๆ หรือการกำหนดข้อแม้ต่างๆ ของเจ้าของไฟล์ ส่วน Bittorrent นั้นกำเนิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการ Share File ให้มากขึ้น กว่า P2P

Bit Torrent  (บิททอร์เรนท์)
      เป็นโพรโทคอล (Protocol) รูปแบบ peer-to-peer (P2P)  ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันโดยตรง ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีต้นกำเนิดมาจากความคิดของนายแบรม โคเฮน (Bram Cohen) ที่ต้องการให้การส่งผ่านข้อมูลสามารถอำนวยประโยชน์ได้ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งเขาเริ่มพัฒนามันขึ้นมาตั้งแต่เดือน เมษายน ค.ศ. 2001 (พ.ศ.2544) และนำมาใช้งานแพร่หลายในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ.2545) โดยโพรโทคอลในรูปแบบนี้เองเป็นที่มาของ แหล่งโหลดฟรีต่างๆ ในปัจจุบัน

Bit Torrent  (บิททอร์เรนท์)
      เป็นมาตรฐานชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เราดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ๆ เช่น โปรแกรม หรือ ภาพยนต์ ได้ในความเร็วสูง โดยมีพื้นฐานอยู่บนการแบ่งปันกันและกัน บิททอเรนท์ ต่างจากการดาวน์โหลดธรรมดาตรงที่มันจะใช้แบนวิท (ขนาดช่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต) อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการแบ่งไฟล์ใหญ่ๆเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆขนาดเล็ก แล้วจึงดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นพร้อมๆกัน ซึ่งวิธีการนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในการโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ๆ

Bit Torrent เป็นการแบ่งปันไฟล์,ข้อมูล ที่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) เชื่อมต่อกันในกลุ่มสมาชิกบิท ส่งต่อข้อมูลระหว่างเครื่อง PC กับเครื่อง PC ด้วยกัน ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยใช้อัตราเร็วในการเชื่อมอินเตอร์เน็ตเป็นตัวกำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูล สมาชิกแต่ละรายจะเป็นผู้กำหนดว่าจะเปิดเครื่องให้ส่งข้อมูลหรือปิดเครื่องไม่ให้ส่งข้อมูล(บ่งบอกถึงความมีน้ำใจ) ยิ่งสมาชิกจำนวนมากๆ เปิดเครื่องเพื่อช่วยกันส่งข้อมูล ยิ่งทำให้อัตราเร็วในการส่งข้อมูลมีมากขึ้น(ทำให้โหลดเสร็จเร็ว) และขึ้นอยู่กับว่าคู่สายที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของเรามีความเร็วเพียงพอที่จะดาวน์โหลดได้ตามความเร็วรวมของกลุ่มหรือไม่ และในขณะที่เราดาวน์โหลดไฟล์(แม้ยังโหลดไม่เสร็จสมบูรณ์) เราจะเป็นผู้ส่งต่อไฟล์(อัพโหลด)ไปให้เครื่องอื่นๆในกลุ่มของบิทเดียวกันด้วย เรียกได้ว่าเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ (จึงเรียกว่าการแบ่งปัน)



      ในภาพนี้, แถบสีภายใต้เครื่องลูกข่ายทั้งหมด แสดงถึงชิ้นส่วนของไฟล์ หลังจากชิ้นส่วนของไฟล์ได้ถูกส่งต่อจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องแล้ว ชิ้นส่วนไฟล์นั้นก็จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จนครบทุกเครื่อง ดังนั้นผู้ส่งไฟล์ต้นฉบับมีหน้าที่เพียงส่งสำเนาของไฟล์เพียงฉบับเดียวเพื่อ ให้เครื่องลูกข่ายได้รับสำเนาของไฟล์ทั้งหมด
 
Torrent มีการทำงานแตกต่างจากโปรแกรมประเภท Peer 2 Peer แบบอื่นๆ       Torrent จะมีการทำงานเสมือนใยแมงมุม กล่าวคือ ในการใช้งาน Torrent Clients ระหว่างที่เราดาวน์โหลดไฟล์ลงเครื่องเรา เราสามารถที่จะอัพโหลดแจกจ่ายชิ้นส่วนไฟล์ให้กับคนอื่นที่ต้องจะดาวน์โหลดไฟล์เหมือนกันกับเราได้เลย ไม่จำเป็นต้องให้เราดาวน์โหลดเสร็จก่อนถึงจะปล่อยได้ นั่นล่ะข้อดีมันเลยล่ะ ซึ่งผิดกับบางโปรแกรม P2P ยุคเก่า ที่ใน 1 ไฟล์ จะมีสถานะดาวน์โหลดหรืออัพโหลดเท่านั้น คือ ประมาณว่าไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากคนที่มาแชร์ขณะที่ดาวน์โหลดอยู่ไม่สามารถทำการอัพโหลดได้จนต่อเมื่อดาวน์โหล ดเสร็จแล้วถึงจะทำการอัพโหลดได้ ผิดกับ Torrent ที่ภายใน 1 ไฟล์ สามารถจะมีได้ 2 สถานะ ในความหมายคือ ระหว่างที่กำลังดาวน์โหลดเราสามารถทำการอัพโหลดได้ เป็นลักษณะการกระจายไปยังคนอื่นๆ ไฟล์จะแบ่งเป็นชิ้นๆ ชิ้นที่เราดาวน์โหลดมาแล้ว จะถูกส่งไปยังผู้อื่น ลักษณะการแลกเปลี่ยนไฟล์เป็นเหมือนใยแมงมุม ที่เราสามารถรับชิ้นส่วนไฟล์ได้จากทุกทิศทาง

      P2P แบบอื่นเช่น WinMX,eMule,Kaza,Napster จะเป็นการติดต่อแค่ 1-1 เท่านั้น คือ 1 ไฟล์ จะมีแค่เพียง 1 Connection ระหว่าง ผู้ส่ง กับผู้รับ เท่านั้น ทำให้มีความเร็วต่ำ โดยเฉพาะถ้าคนปล่อยไฟล์ โดนคนดูดไฟล์หลายๆคนรุมดูดพร้อมกัน จะช้ามากๆ และลักษณะการส่งจะเป็นแบบทิศทางเดียว คือ ผู้ส่ง -> ผู้รับ จึงเหมาะกับแชร์ไฟล์ขนาดเล็กๆเท่านั้นเช่น ไฟล์ MP3 รูป zipขนาดไม่เกิน10M
 
      BitTorrent เป็นการรวมคนปล่อย และคนดูด ไฟล์ใดไฟล์หนึ่ง เข้ามารวมไว้ด้วยกัน จะมีการติดต่อตามจำนวนคนที่แชร์ไฟล์นั้นอยู่ คือ 1 ไฟล์ จะมีหลาย Connection ทำให้มีความเร็วสูง แบบเดิมจะรับไฟล์ได้จากคนปล่อยเพียงคนเดียว ส่วน BitTorrent ก็จะรับไฟล์จากคนปล่อยได้หลายคน ลักษณะการส่งจะเป็นแบบส่งต่อ คือคนที่ได้รับไฟล์แล้วก็จะส่งไฟล์ต่อไปให้คนที่ยังไม่ได้อีกที คือแทนที่จะเป็นคนรับอย่างเดียว ก็จะเป็นทั้งรับ และปล่อยไปพร้อมๆกัน เวลารุมดูดไฟล์พร้อมกันจึงไม่ช้า เหมาะกับการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 10M ขึ้นไปจนถึง 10G หรือมากกว่านี้

ประสิทธิภาพของ บิททอร์เรนท์ ที่ดีกว่า เพียร์ทูเพียร์
     1. บิททอร์เรนท์ใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลเครื่องแม่ข่ายและเครื่องลูกข่ายผ่านอินเตอร์เน็ตได้สะดวกกว่า
     2. ในขณะที่บิททอร์เรนท์กำลังดาวน์โหลดไฟล์ ยังสามารถส่งต่อไฟล์ไปได้ด้วยในขณะเดียวกัน ถึงแม้ยังโหลดไม่เสร็จ
     3. ในบิททอร์เรนท์จะมีเครื่องลูกข่ายช่วยกันปล่อยไฟล์หลายๆเครื่อง ถึงแม้แต่ละเครื่องมีความเร็วต่ำ แต่เมื่อรวมกันจะได้ความเร็วมากยิ่งขึ้น
     4. บิทเทอร์เรนท์ มีไฟล์ Torrent เป็นตัวเก็บชิ้นส่วนขนาดไฟล์ตัวจริงไว้ แยกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้ส่งถ่ายข้อมูลได้แม่นยำ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา




      เมื่อไฟล์เริ่มต้นเผยแพร่มาจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เครื่องอื่นๆ ที่ต้องการไฟล์ (หรือผู้ที่รอโหลดอยู่นั่นเอง) ก็จะค่อยๆ ได้รับชิ้นส่วนไฟล์ไปทีละชิ้นทีละชิ้นแบบสุ่ม เหมือนภาพต่อจิ๊กซอว์
 
       ทันทีที่ได้รับชิ้นส่วนไฟล์มา คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็สามารถส่งต่อชิ้นส่วนไฟล์ที่ได้รับมาแล้วให้เครื่องอื่นที่ยังไม่มีได้ทันที ไม่ต้องรอให้ตัวเองได้ชิ้นส่วนไฟล์จนครบ 100% เสียก่อน เป็นลักษณะของการเติมเต็มให้กัน ชิ้นส่วนไฟล์ตรงใหนที่ขาดไป สุดท้ายแล้วก็จะได้รับมาจากคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายในที่สุด ด้วยสาเหตุนี้เอง โปรแกรมบิตทอร์เรนต์จึงสามารถทำให้การส่งผ่านข้อมูลสามารถอำนวยประโยชน์ได้ทั้งขาเข้าและขาออก
Tracker Server (แทรคเกอร์)      เครือข่ายของบิททอร์เรนท์นั้นมีลักษณะโยงใยถึงกันหมด มีแทรคเกอร์ (Tracker) ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูลและสถิติต่างๆ ของผู้ร่วมใช้งาน, เสมือนประธานผู้ควบคุมการประชุม อย่างไรก็ตาม โปรแกรมบิททอร์เรนท์บางแบบ ไม่จำเป็นต้องมีแทรคเกอร์เครือข่ายของการใช้โปรแกรมบิตทอร์เรนท์นั้นเป็นลักษณะโยงใยถึงกันหมด ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถรับส่งไฟล์ถึงกันได้ตลอดเวลา ซึ่งทุกเครื่องจะเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้

      ดังนั้น Tracker จึงไม่ต้องมีเน็ตที่แรงเพราะไม่ได้รับส่งไฟล์เอง สิ่งที่ทำให้ Bit Torrent อยู่ได้ก็คือหลักการที่ผู้ใช้ควรจะส่งไฟล์ขณะเดียวกับที่รับไฟล์ หากมีผู้ใช้มากก็จะเร็วมาก การทำงานของ Bit Torrent ก็คือการหั่นไฟล์นึงเป็นหลายๆ ส่วน แล้วส่งคนละส่วนไปยังผู้รับหลายคน พอผู้รับเหล่านั้นได้รับส่วนเหล่านั้นก็จะสามารถรับส่งกันเองเพราะต่างกันต่างมีชิ้นส่วนที่คนอื่นไม่มี ทำให้ไม่ต้องพึ่งผู้ส่งผู้เดียว

หลักการทำงานของโปรแกรม Bittorrent      เครือข่ายของการใช้โปรแกรม Bit Torrent นั้นเป็นลักษณะโยงใยถึงกันหมด ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถรับส่งไฟล์ถึงกันได้ตลอดเวลา โดยในทาง Bittorrent นั้นจะเรียกคอมพิวเตอร์ที่รับส่งข้อมูลว่า เพียร์ (Peer) ซึ่งทุกเครื่องจะเป็นทั้ง ผู้รับ ( Leecher ) และ ผู้ให้ ( Seeder )

ข้อดีของ Bit Torrent Client
    คือระหว่างที่เราดาวน์โหลดไฟล์ลงเครื่องเรา เราสามารถที่จะอัพโหลดแจกจ่ายชิ้นส่วนไฟล์ให้กับคนอื่นที่ต้องการจะดาวน์โหลดไฟล์เหมือนกันกับเราได้เลยพร้อมๆกัน ไม่จำเป็นต้องให้เราดาวน์โหลดให้เสร็จก่อนถึงจะปล่อยได้ ผู้ส่งไฟล์ไม่ใช่ Server เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นลูกข่าย Client ที่ช่วยกันส่งชิ้นส่วนไฟล์ให้แก่กัน ทำให้เกิดความรวดเร็วในการส่งข้อมูล และช่วยเพิ่มอัตราการถ่ายโอนข้อมูล เพราะมีลูกข่ายที่เชื่อมต่อกันอยู่จำนวนมาก และไม่มีเครื่องใดในเครือข่ายที่ทำงานหนักจนเกินไป
 
Torrent เป็นการทำงานแบบ Peer to Peer
      การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
     
ไฟล์ที่นำมาแชร์กันมาจากไหน?       มาจากเครื่องของแต่ละ User แต่ทำการโหลดกันโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าเว็บแทรคเกอร์ Tracker (เว็บผู้ให้บริการทอเร้นท์) ทำหน้าที่ เหมือน ตำรวจจราจร เท่านั้นเอง

Torrent มีความแม่นยำในการดาวน์โหลดสูง       กล่าวคือ เมื่อเราดาวน์โหลดไฟล์ประเภทเพลง หรือ หนัง ฯลฯ โอกาสที่ไฟล์จะเสียนั้นน้อยมากๆ จนแทบไม่มีเลย เพราะ ไฟล์ torrent เป็นตัวเก็บชิ้นส่วนขนาดไฟล์ตัวจริงไว้ แยกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้ส่งถ่ายข้อมูลได้แม่นยำ

รูปแบบการทำงานของ Bit Torrent
      Bit Torrent ที่มีการรับ-ส่ง File จาก Client หนึ่งไป Client หนึ่ง โดยจะเป็นข้อดีกว่าในระบบ FTP (File Transfer Protocal) , HTTP (Hypertext Transfer Protocal) ที่ข้อมูลมาจาก Server กลางอย่างเดียว ถ้าเมื่อมีคนเข้ามาใช้ข้อมูลเยอะๆ จะทำให้การ Tranfer ช้าลง แต่ถ้าเป็น โครงข่ายของ Bittorrent ถ้ามีคนเข้ามาใช้ร่วมโครงข่ายมากก็จะทำให้มีการ Tranfer มากขึ้นตามไป

รูปแบบการทำงานของระบบ FTP, HTTP
       รูปแบบ FTP , HTTP นี้เป็นการดึงข้อมูลมาจาก Server อย่างเดียว ยิ่งถ้ามีผู้ใช้เข้ามาทำการดึงไฟล์อันเดียวกันอยู่มากๆ จะทำให้อัตราเร็วช้าลงอย่างมาก

Bit Torrent มีอะไรให้ดาวน์โหลดบ้าง?      มันก็ขึ้นอยู่กับผู้แชร์ไฟล์ว่าจะอัพโหลดอะไรขึ้นไปบ้างเพื่อแบ่งปันให้กับคนอื่น แต่ที่พบพานมาก็มีทุกๆประเภท ไม่ว่าจะเป็นเพลง, ละคร, ภาพยนตร์, การ์ตูน, โปรแกรม, หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ , หนังสารคดีชีวิต ฯลฯ คนเล่นอินเตอร์เน็ต High Speed ควรเล่น Bittorrent เป็นอย่างยิ่ง!! เพราะจะได้คุ้มค่าเงินที่คุณเหมาจ่ายไปยังไง

ปัจจัยของการเชื่อมต่อ Bit Torrent ต้องมีส่วนสำคัญอยู่ 3 ส่วน ( List of 3 items ) คือ
     1.  มีโปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ Bit Torrent ในส่วนของผู้โหลดไฟล์ Tracker Client
     2.  มี Torrent File สำหรับระบุการเชื่อมต่อข้อมูลของไฟล์ จากเครื่องต้นทางและปลายทาง
     3.  มี Tracker Server เก็บไฟล์ Torrent File ที่มีสมาชิกแบ่งปันไฟล์หรือมีผู้ส่งไฟล์

No comments:

Post a Comment