Peer to Peer , P2P , เพียร์ ทู เพียร์ คืออะไร Peer to Peer คือ รูปแบบการเชื่อมต่อแลนแบบโครงข่ายโดยตรง ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้นจะมีความเท่าเทียมกัน เครื่อง PC สามารถทำงานของตนเองและขอใช้บริการเครื่อง PC อื่นได้ จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้งานเพื่อจุดประสงค์ ด้านความรวดเร็ว หรือติดตั้งได้โดยง่ายเมื่อไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับ ตัวอย่างเช่น ในศูนย์ประชุมหรือการประชุมที่จัดนอกสถานที่
อีกทั้ง Peer to Peer เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก และเหมาะกับหน่วยงาน ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ software ที่ใช้คือ Windows for Workgroups, Windows 95, 98, 2000 การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า LAN Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อสายแลนเข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า HUB หากเปรียบเทียบแล้วเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer จะมีการทำงานในลักษณะที่เป็น Decentralization ส่วนระบบ Client-Server มีการทำงานเป็นแบบ Centralization นั่นเอง
คุณสมบัติของ Peer to Peer - ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย - ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง - ฯลฯ
การใช้ File Server เป็นแม่ข่ายศูนย์กลางในการส่งข้อมูล ทำให้เครื่องทำงานหนักและอัตราเร็วลดลง
แต่เดิมนั้นเมื่อเราต้องการดาวน์โหลดไฟล์จากแม่ข่าย Server โดยใช้ FTP (File Transfer Protocal) , HTTP (Hypertext Transfer Protocal) นั้น หากมีคนที่ต้องการไฟล์เดียวกับเรา 500 คนมาดาวน์โหลดบนแม่ข่าย Server เดียวกันพร้อมๆ กันโดยแต่ละคนมี Bandwidth คนละ 256kbps ถ้าจะให้ทุกคนนั้นได้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดตัวแม่ข่าย Server จะต้องมี Bandwidth เท่ากับ 256kbps x 500 ซึ่งเท่ากับ 125Mbit เลยทีเดียว
ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะเปลือง Bandwidth เท่านั้น แต่ยังจะต้องใช้แม่ข่าย Server ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ทรัพยากรของแม่ข่ายให้น้อยลงนั้นเอง
เพียร์ทูเพียร์ หรือ เพื่อนถึงเพื่อน
Peer to Peer หรือ P2P อาจจะมีคำอื่นอีกเช่น People to People , Point to Point ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกัน และมีลักษณะนามแทนตัวได้ว่า "เพื่อนถึงเพื่อน" ระบบ P2P นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่าย Server ใน การแจกจ่ายไฟล์และทำให้สามารถหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
จากความหมายนี้เองทำให้เราเรียกโปรแกรมที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่าย Server ว่า "P2P File Sharing" โปรแกรมประเภทนี้มีอยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าวๆของโปรแกรมก็คือ
1. เชื่อมต่อไปยังแม่ข่าย Server เพื่อยืนยันตัวตนและส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย 2. หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย Server จากนั้นแม่ข่าย Server จะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword ที่เราระบุกลับมา 3. เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่าย Server ติดต่อไปยังคนนั้นๆโดยตรงเพื่อร้องขอไฟล์
แต่ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดี "ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปทุกอย่าง" หรือเรียกว่า "Perfect" ทุกๆอย่างต้องมีจุดอ่อนถึงแม้ว่า P2P ที่ว่า จะแก้ปัญหาจุดอ่อนเรื่อง Bandwidth และทรัพยากรของเครื่องแม่ข่าย Server ที่สูงได้ แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่ได้ก็ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลยเนื่องจากความเร็วที่ได้นั้น จะได้จากจากเชื่อมต่อผู้ใช้ด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเร็ว Internet ในการรับส่ง ของผู้ใช้ตามบ้านนั้นไม่ได้เร็วเหมือนเครื่องที่ใช้เป็นแม่ข่าย Server โดยเฉพาะจะตั้งอยู่ใน ISP ซึ่ง Bandwidth อย่างต่ำๆ นั้นเป็น 100Mbit และเครื่องลูกข่ายผู้ใช้เอง ส่วนใหญ่มี Bandwidth ต่ำ และส่วนมากนั้นก็จะเห็นแก่ตัวคือไม่ปล่อยให้ตัวโปรแกรมส่งแบบอัตราเร็วแบบเต็มๆ Bandwidth แต่จะมีการกักเอาไว้ ( มีน้อยแล้วยังจะกั๊กอีก) ส่วน Bandwidth ดาวน์โหลดนั้นดันเปิดไว้เต็มๆ ทำให้โปรแกรม ประเภท P2P ที่กล่าวมานั้นความเร็วที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีไฟล์ที่เรากำลังโหลดอยู่นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลให้เรามากแค่ไหน รวมถึงมีคนที่มีไฟล์เดียวกับเรานั้นมีมากแค่ไหน ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้นั้นมีเงื่อนใขหลายอย่างประกอบกันมากพอสมควร
ถึงตรงนี้ Bittorrent (บิตทอร์เร้นท์) ก็กำเนิดขึ้นมา ซึ่งมีการทำงานแตกต่างจาก P2P ทั่วไปอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ความเร็วที่ได้นั้นนำ หน้า P2P ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวและมีความถูกต้องของข้อมูลสูง รวมถึงทำให้ทุกคนรู้จักถึงคำว่า "แบ่งปัน" หรือ "give and take" นั้นเอง เราคงจะข้ามความเป็นมาของ Protocal Bittorrent เนื่องจากมีสาเหตุเดียวกันกับ P2P ทั่วไปแต่คงจะขาดชื่อของผู้คิดระบบนี้ไปไม่ได้ ชื่อของเขาก็คือ "Bram Cohen"
คำจำกัดความServer คือ เครื่องแม่ข่าย หรือ เครื่องผู้ให้บริการ Client คือ เครื่องลูกข่าย หรือ เครื่องผู้ขอใช้บริการ
|
No comments:
Post a Comment